ศึกจ้าวมวยไทยคืนวันเสาร์กลับมาสร้างอรรถรสให้แฟนหมัดมวยอีกครั้งที่เวทีมวยสยามอ้อมน้อย เริ่มคู่แรกเวลา 12:20 น. วิเคราะห์รายการวันนี้จัดเต็ม 5 คู่ ครบทั้งพิกัดเล็กและกลาง พร้อมตัวเลขชั่งจริงที่สะท้อนภาพทางกายภาพซึ่งนำไปสู่การอ่านเกมแบบเป็นเหตุผล ทั้งจังหวะการคุมพื้นที่กลางเวที การเลือกแลกสั้นในมุมที่ปลอดภัย ตลอดจนภาพปิดยกที่คมชัดต่อสายตากรรมการ ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญต่อผลคะแนนรวมในแต่ละไฟท์อย่างยิ่งบทความฉบับเต็มนี้จัดวางตามลำดับที่อ่านง่าย เริ่มจากตารางรวมภาพรวมของทั้งห้าคู่ ตามด้วยตารางย่อยรายคู่พร้อมบทวิเคราะห์แทคติกเชิงลึก เพื่อให้ผู้อ่านเห็นเส้นเรื่องของการแข่งขันตั้งแต่เสียงระฆังแรกจนถึงช่วงท้ายยกสำคัญ โดยยึดหลักว่า “ตัวเลขชั่งไม่ใช่คำตอบสุดท้าย” แต่เป็นเบาะแสที่ช่วยคาดการณ์ความได้เปรียบเสียเปรียบเมื่อผสานเข้ากับองค์ประกอบเชิงศิลปะการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นการ์ด การหลบและสวน การตัดมุม และการบริหารแรงปลายตลอดสามยก

โปรแกรมมวย ศึกจ้าวมวยไทย 1 พ.ย. 2568

สรุปย่อและข้อมูลสำคัญของรายการ

เวทีมวยสยามอ้อมน้อยขึ้นชื่อเรื่องเกมเร็วและความดุดันของจังหวะแลกสั้น ผู้ชมควรจับตาคู่ที่น้ำหนัก “ขาด/ลด” เพราะมักบ่งชี้ถึงความคล่องตัวที่มากขึ้น แต่ต้องแลกกับแรงปะทะในวงในที่อาจเสียเปรียบเล็กน้อย ขณะที่ฝ่ายที่ “ลดน้ำ” จะได้ความหนาแน่นของมวลกล้ามและแรงชน แต่ต้องบริหารแรงปลายและการคืนการ์ดให้มีวินัย การอ่านเกมที่ดีจึงไม่ใช่แค่ดูจำนวนครั้งที่ออกอาวุธ หากแต่ต้องสังเกตคุณภาพการเข้าเป้าและภาพจำช่วงท้ายยกด้วย

ตารางประกบคู่รวม & ชั่งจริง (Fight Card & Weigh-in)

ลำดับคู่ ฝ่ายแดง ฝ่ายน้ำเงิน พิกัด (ปอนด์) ชั่งจริง (แดง/น้ำเงิน) สถานะน้ำหนัก หมายเหตุภาพรวม
คู่ที่ 1 เพชรป่าสัก ส.สละชีพ เพชรเอก สิงห์คลองหลวง 115 114.4 / 115.4 แดงขาด 0.6 / น้ำเงินลด 4 คล่อง vs หนาแน่น แลกสั้นชี้ขาด
คู่ที่ 2 กล้านรงค์ พันธุ์พินิจ เผด็จศึก ต.แย้มสวน 115 115.4 / 115.4 ทั้งคู่ลด 4 สมดุลแรงปะทะ สูงย้ำภาพปิดยก
คู่ที่ 3 ลาวสตาร์ เกียรติธงยศ วันพิชิต ส.คิดดียิ่ง 106 / 108 106.4 / 108.0 แดงลด 4 / น้ำเงินเท่า ต่างพิกัด หนา vs คล่อง
คู่ที่ 4 เพชรนาคา ลูกเจ้าแม่สายวารี ผาดาวเวท ครูดามยิม 122 121.8 / 121.6 แดงขาด 0.2 / น้ำเงินขาด 0.4 เกมเร็ว แลกสั้นและคุมการ์ด
คู่ที่ 5 เพชรใหม่ เกียรติธงยศ เพชรไทรงาม ศ.เพชรไทรงาม 105 104.8 / 104.8 ทั้งคู่ขาด 0.2 สปีดสูสี ผลัดกันคุมจังหวะ

จากตารางรวมจะเห็นได้ว่าภาพรวมของรายการนี้มีไดนามิกหลากหลาย ทั้งคู่ที่ต่างพิกัดอย่างคู่ที่สามซึ่งมักสะท้อนความต่างของแรงชนและความคล่อง ไปจนถึงคู่ที่น้ำหนักเฉียดเท่าพิกัดซึ่งต้องวัดกันด้วยรายละเอียดการวางตำแหน่งและการตอบโต้ที่เฉียบคม การตีความตัวเลข “ขาด/ลด/เท่า” ควรเชื่อมโยงกับแผนแทคติกจริง เพราะสุดท้ายกรรมการให้คะแนนตามความมีผลจริงของช็อต การคุมพื้นที่ และภาพปิดยกมากกว่าตัวเลขแห้ง ๆ

หลักการให้คะแนนและสิ่งที่ควรจับตา

ในการตัดสินของมวยไทยร่วมสมัย กรรมการให้ความสำคัญกับ Effective Strikes หรืออาวุธที่มีผลจริงต่อจังหวะของคู่ต่อสู้ การยืนตำแหน่งและการคุมพื้นที่กลางเวทีที่ชัดเจน การ์ดและการป้องกันที่มีวินัย รวมถึงภาพปิดยกที่ทำให้เห็นความเหนือกว่าชัดเจนชั่วขณะ จึงไม่ใช่จำนวนอาวุธเพียงอย่างเดียวที่ชี้ขาด หากแต่เป็นคุณภาพและไทมิงที่ทำให้คู่ต่อสู้เสียสมดุล หยุดชะงัก หรือถอยโดยไม่คืนงาน ซึ่งทั้งหมดนี้จะสะท้อนออกมาในสกอร์บอร์ดแบบมีนัยสำคัญ

วิเคราะห์เชิงความหมาย: น้ำหนักชั่งจริงกับผลในเกมจริง

ค่าชั่งจริงที่ “ขาดเล็กน้อย” มักบ่งชี้ถึงการเคลื่อนที่ที่คล่องตัวขึ้น เหมาะกับการเล่นฉีกมุมและจังหวะสอง แต่ต้องระวังแรงชนในวงในและการโดนบี้ติดเชือก ส่วนผู้ที่ “ลดน้ำ” ให้ลงพิกัดมักมีความหนาแน่นของกล้ามเนื้อและแรงปะทะที่เด่นในช่วงกลางไฟท์ ทว่าอาจเจอความล้าปลายในยกท้าย ๆ หากรีโฮไดรต์ไม่เต็มที่หรือเลือกแลกยาวเกินจำเป็น ดังนั้นแผนที่ดีจึงต้องบริหารรอบการเร่งและผ่อนให้เหมาะสม เพื่อรักษาคุณภาพช็อตและภาพจำท้ายยกทุกยก

พรีวิวรายคู่และบทวิเคราะห์เชิงแทคติก

คู่ที่ 1 – พิกัด 115 ปอนด์: เพชรป่าสัก ส.สละชีพ (แดง) vs เพชรเอก สิงห์คลองหลวง (น้ำเงิน)

พิกัดทางการ ชั่งจริง (แดง) ชั่งจริง (น้ำเงิน) สถานะน้ำหนัก โฟกัสแทคติก ปัจจัยชี้ขาด
115 114.4 115.4 แดงขาด 0.6 / น้ำเงินลด 4 คุมกลางเวที ตัดมุม เล่นจังหวะสอง การ์ดเหนียว ศอกสวน และภาพปิดยก

ภาพรวมไฟท์เปิดหัวนี้เป็นการเจอกันของ “คล่อง vs หนาแน่น” ฝ่ายแดงเพชรป่าสักขาดเล็กน้อยมีแนวโน้มเคลื่อนที่คล่อง ฉีกมุมได้ไว เหมาะกับการชิงจังหวะสองและการสวนหมัดตรงขณะคู่ต่อสู้ยืดตัว ส่วนฝ่ายน้ำเงินเพชรเอกที่ลดน้ำเพื่อให้ลงพิกัด จะได้แรงชนและความหนาแน่นในระยะประชิด หากเดินค้ำเป็นชั้น ๆ พร้อมการ์ดที่แน่น จะบีบให้แดงถอยเป็นเส้นตรงและเปิดช่องศอกสั้นได้

คีย์ของฝ่ายแดงคือการไม่ติดเชือกและไม่ปล่อยให้เกมถูกลากเข้าสู่วงในยาว ๆ ควรใช้แย็บและเตะยาวหยุดจังหวะ แล้วตัดมุมออกด้านข้างก่อนรีเซ็ตเกมทุกครั้งที่ถูกไล่กด ส่วนฝ่ายน้ำเงินต้องระวังช่วงเปลี่ยนเลนของแดง หากการ์ดตกหลังคอมโบมีสิทธิโดนสวนตรงเข้าจุดสำคัญได้ การปิดยกในช่วงสิบถึงสิบห้าวินาทีสุดท้าย หากใครสร้างช็อตคมจนอีกฝ่ายหยุดชั่วขณะ ภาพคะแนนจะเอนเข้าหาทันที

คู่ที่ 2 – พิกัด 115 ปอนด์: กล้านรงค์ พันธุ์พินิจ (แดง) vs เผด็จศึก ต.แย้มสวน (น้ำเงิน)

พิกัดทางการ ชั่งจริง (แดง) ชั่งจริง (น้ำเงิน) สถานะน้ำหนัก โฟกัสแทคติก ปัจจัยชี้ขาด
115 115.4 115.4 ทั้งคู่ลด 4 แลกสั้นมีคุณภาพ รีเซ็ตเร็ว ภาพปิดยกและความนิ่ง

ทั้งสองฝ่ายชั่งได้ 115.4 และต้องลดน้ำเท่ากัน สะท้อนว่าแรงปะทะและความหนาแน่นใกล้เคียงกันมาก จึงคาดว่าเกมจะละเอียด เน้นคุณภาพการแลกสั้นและการรีเซ็ตเพื่อชิงตำแหน่งกลางเวที ผู้ที่สามารถผสานหมัดหนึ่ง–สองกับเตะตัดล่างได้เนียน และไม่ยืดตัวนานจนเปิดช่องศอกสวน จะคุมภาพรวมของยกได้ดีกว่า โดยเฉพาะช่วงกลางยกที่ความเร็วของเกมเริ่มนิ่งและจังหวะสองเปิดกว้างขึ้น

สิ่งที่ต้องระวังคือการบวกยาวโดยไม่คืนการ์ด เพราะทั้งคู่มีศักยภาพในการสวนคมกลับทันที เกมนี้จึงวัดกันที่การตัดสินใจแยบยลว่าจะแลกเมื่อไรและถอยเมื่อใดเพื่อหลอกให้คู่ต่อสู้ออกอาวุธเกินจังหวะ การปิดยกให้มีภาพจำ เช่น หมัดตรงเข้าเป้าชัดหรือเตะลำตัวที่ทำให้เสียหลัก จะสร้างความประทับใจต่อคณะกรรมการและส่งผลต่อคะแนนสะสมในยกถัดไปอย่างชัดเจน

ตารางมวยไทย พร้อมลิ้งก์ ดูมวยสดวันนี้ ทุกศึกทุกสังเวียนดวล ดูถ่ายทอดสดมวยวันนี้

คู่ที่ 3 – ต่างพิกัด 106/108 ปอนด์: ลาวสตาร์ เกียรติธงยศ (แดง) vs วันพิชิต ส.คิดดียิ่ง (น้ำเงิน)

พิกัดทางการ ชั่งจริง (แดง) ชั่งจริง (น้ำเงิน) สถานะน้ำหนัก โฟกัสแทคติก ปัจจัยชี้ขาด
106 / 108 106.4 108.0 แดงลด 4 / น้ำเงินเท่า วงนอกคล่อง vs วงในหนาแน่น บริหารระยะและแรงปลาย

ไฟท์นี้มีความน่าสนใจจากการต่างพิกัด ฝ่ายแดงลาวสตาร์ต้องลดน้ำลงเล็กน้อยเพื่อเข้าพิกัด 106 ปอนด์ ส่งผลให้ได้สปีดและการฉีกมุมที่ว่องไว หากยึดวงนอกด้วยแย็บและเตะยาวสลับตัดมุมจะทำให้คู่ต่อสู้เสียจังหวะ ขณะที่ฝ่ายน้ำเงินวันพิชิตชั่งเท่าพิกัด 108 จึงหนาแน่นและมีแรงชนเมื่อเข้าประชิด ถ้าจี้เข้าใกล้พร้อมกดหัวและเสียบเข่าตรงสะสมงานอย่างมีระบบ เกมจะค่อย ๆ เทเข้าหาตามแรงปะทะ

จุดอันตรายของแดงคือการถอยเป็นเส้นตรง หากถูกกดเข้าเชือกและต้องยืนรับแรงชนซ้ำ ๆ ความได้เปรียบด้านสปีดจะลดทอนทันที ส่วนของน้ำเงินต้องระวังจังหวะที่ยืดตัวหลังเดินค้ำ หากการ์ดไม่เหนียวพอมีสิทธิโดนสวนตรงเข้าบน–ล่างได้ทันที การบริหารแรงปลายยกสามสำคัญมาก ผู้ที่ยังคงคุณภาพการ์ดและรีเซ็ตตำแหน่งได้ดีกว่ามักชูมือในตอนจบ

คู่ที่ 4 – พิกัด 122 ปอนด์: เพชรนาคา ลูกเจ้าแม่สายวารี (แดง) vs ผาดาวเวท ครูดามยิม (น้ำเงิน)

พิกัดทางการ ชั่งจริง (แดง) ชั่งจริง (น้ำเงิน) สถานะน้ำหนัก โฟกัสแทคติก ปัจจัยชี้ขาด
122 121.8 121.6 แดงขาด 0.2 / น้ำเงินขาด 0.4 เกมเร็ว แลกสั้น รีเซ็ตไว การ์ดเหนียวและภาพปิดยกชัด

ทั้งสองฝ่ายชั่งขาดเล็กน้อย จึงคาดว่าเกมจะไปในทิศทางความเร็วสูงและจังหวะสวนคม เพชรนาคาควรยึดพื้นที่กลางวงและใช้หมัดหนึ่ง–สองเปิดทางก่อนสอดเตะลำตัวเพื่อบั่นทอนจังหวะเดินของคู่ต่อสู้ ส่วนผาดาวเวทต้องอ่านจังหวะสลับขึ้น–ลงให้ดีเพื่อยิงสวนทันทีเมื่อเห็นช่องว่าง โดยเฉพาะช่วงที่อีกฝ่ายยืดตัวหลังคอมโบซึ่งเป็นช่วงที่มักเปิดไหล่ให้ศอกเฉียงเข้าได้พอดี

ในไฟท์ความเร็วสูง การคืนการ์ดทันทีหลังออกอาวุธคือเส้นแบ่งระหว่างได้เปรียบกับเสียท่า หากใครแลกยาวเกินความจำเป็นหรือไม่รีเซ็ตตำแหน่งให้ดี มีโอกาสโดนสวนจนเสียสมดุลและถูกตัดสินว่าคุมเกมน้อยกว่า การปิดยกด้วยช็อตคุณภาพ เช่น เตะตัดขาจนเซ หรือหมัดตรงจนอีกฝ่ายชะงัก จะมีน้ำหนักต่อการให้คะแนนมากกว่าปริมาณชุดยาวที่ไม่เข้าเป้าชัดเจน

คู่ที่ 5 – พิกัด 105 ปอนด์: เพชรใหม่ เกียรติธงยศ (แดง) vs เพชรไทรงาม ศ.เพชรไทรงาม (น้ำเงิน)

พิกัดทางการ ชั่งจริง (แดง) ชั่งจริง (น้ำเงิน) สถานะน้ำหนัก โฟกัสแทคติก ปัจจัยชี้ขาด
105 104.8 104.8 ทั้งคู่ขาด 0.2 แย็บคุมระยะ เตะตัดล่าง สวนศอก คุมจังหวะและภาพจำท้ายยก

ไฟท์ปิดรายการเป็นการเจอกันของสองนักชกที่ชั่งขาดเท่ากันเล็กน้อย ส่งผลให้ทั้งคู่มีความคล่องตัวใกล้เคียงและเกมน่าจะไหลด้วยสปีดสม่ำเสมอ คีย์ของทั้งสองฝ่ายคือการใช้แย็บคุมระยะเพื่อเปิดงาน แล้วลงเตะตัดล่างสกัดจังหวะขาให้เสียสมดุล จากนั้นจึงเลือกเข้าประชิดเพื่อวางศอกสั้นในเวลาที่เหมาะสม การฉีกมุมหลังคอมโบหนึ่งจังหวะจะช่วยลดโอกาสโดนสวนและรักษาความสะอาดของภาพรวมในสายตากรรมการ

ผู้ที่ทำได้เด่นคือการเปลี่ยนเลนเร็ว ไม่ยืนตรงทางนานเกินไป และรู้จักหยุดเกมคู่ต่อสู้ด้วยเตะยาวเมื่อเริ่มโดนบี้ การปิดยกสำคัญมาก หากสร้างเหตุการณ์เด่น เช่น เตะลำตัวจนเสียงดังชัดหรือหมัดตรงจนอีกฝ่ายถอยโดยไม่คืนงาน จะชี้ทิศทางคะแนนทันที ไฟท์นี้จึงน่าจะใกล้เคียงและวัดกันที่ความนิ่งกับคุณภาพของช็อตมากกว่าพละกำลังเพียว ๆ

ภาพรวมโฟลว์ของรายการและแนวโน้มคะแนน

เมื่อมองทั้งห้าคู่ร่วมกันจะเห็นลำดับจากเกมที่พึ่งพาความคล่องและการชิงจังหวะ ไปสู่ไฟท์ที่ต้องอาศัยแรงปะทะและความนิ่งในการยืนแลก การเคลื่อนที่อย่างมีวินัยและการคุมพื้นที่กลางเวทีคือแกนกลางที่เชื่อมทุกไฟท์เข้าด้วยกัน ผู้ที่แสดงความเหนือกว่าด้วยการบังคับทิศทางให้อีกฝ่ายเดินตาม จะได้รับคะแนนจากความเป็น “คนคุมเกม” ร่วมกับการสร้างช็อตที่มีผลจริงในช่วงท้ายยกซึ่งกรรมการจดจำได้ชัดเจน

ดังนั้นกลยุทธ์ที่ได้เปรียบในรายการวันนี้คือการจัดลำดับการเร่งและผ่อนให้สัมพันธ์กับสภาพร่างกายตามสถานะชั่งจริง ใครลดน้ำมากควรเร่งช่วงต้นและรีเซ็ตเกมถี่เพื่อป้องกันการล้า ส่วนผู้ที่ขาดเล็กน้อยควรกำหนดจังหวะสองและเลือกสวนในทางที่คำนวณแล้วว่ามีโอกาสเกิดผลจริงสูง การใช้ศอกในจังหวะยืดตัวและการเตะตัดล่างเพื่อเบรกจังหวะคืออาวุธสำคัญที่ควรถูกหยิบใช้ให้ถูกที่ถูกเวลา