โปรแกรมมวย 19 ตุลาคม 2568 ศึกมวยไทย7สี ณ เวทีมวยช่อง 7 เริ่มชกเวลา 14.30 น.
โปรแกรมมวย 19 ตุลาคม 2568 ศึกมวยไทย7สี คือรายการที่แฟนมวยรอคอยเพราะรวมนักชกหลากสไตล์ตั้งแต่เวตเล็กถึงเวตกลาง โดยบทความนี้วิเคราะห์เชิงแท็กติก จุดแข็ง จุดอ่อน โดยเฉพาะคู่ที่ 3 ในพิกัด 155 ปอนด์ซึ่งเป็นเวตที่อาวุธหนักและจังหวะเกมเปลี่ยนได้ไว ขณะที่คู่ต้นรายการก็ชวนติดตามเรื่องการปรับน้ำหนักและความสดใหม่หลังชั่ง การพรีวิวฉบับนี้จัดทำในโทน “นักวิเคราะห์มวย” เชื่อมโยงฟอร์มบนตาชั่ง การคุมระยะ สัดส่วนอาวุธ การยืนพื้น และความนิ่งยกท้าย เพื่อช่วยให้ผู้อ่านอ่านเกมได้ลึกขึ้นและเสพความสนุกของศึกเที่ยงวันอาทิตย์ได้แบบมีแผนในหัว ชัดเจนตั้งแต่ย่อหน้าแรกว่าบทความนี้เน้นหัวใจของ โปรแกรมมวย 19 ตุลาคม 2568 ศึกมวยไทย7สี แบบครบด้าน

| คู่ที่ | 🔴 ฝ่ายแดง | 🔵 ฝ่ายน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ (แดง) | ขาด-เกิน (แดง) | ชั่งได้ (น้ำเงิน) | ขาด-เกิน (น้ำเงิน) |
|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1 | นิล ผ้าเบรคคอมแพ็ค | วัชระชัย มานะศักดิ์มวยไทย | 119 | 120 | เกิน 1.0 | 119 | ตามพิกัด |
| 2 | เอฟ 35 ราชานนท์ | เสมอสิงห์ เพชรเกียรติเพชร | 125 | 126 | เกิน 1.0 | 125.2 | เกิน 0.2 |
| 3 | เหนือสิงห์ ศิษย์กำนันนิรันดร์ | เพื่อไทย ศิริลักษณ์มวยไทย | 155 | 158 | เกิน 3.0 | 155.6 | เกิน 0.6 |
| 4 | วุฒิไกร ว.จักรวุฒิ | ยอดขุนศึก ศิษย์แก้วประพล | 140 | 141.6 | เกิน 1.6 | 140 | ตามพิกัด |
| 5 | อัลพาร์ท รถสวยจ่าเจต | แก้วสวรรค์ ศิษย์แก้วประพล | 120 | 120 | ตามพิกัด | 120 | ตามพิกัด |
| 6 | เพชรคลองสี่ โรงเรียนสามโศก | เกรียนดอย แฟมิลี่มวยไทย | 113 | 113 | ตามพิกัด | 113 | ตามพิกัด |
ตารางมวยไทย พร้อมลิ้งก์ ดูมวยสดวันนี้ ทุกศึกทุกสังเวียนดวล ดูถ่ายทอดสดมวยวันนี้
โปรแกรมมวย 19 ตุลาคม 2568 ศึกมวยไทย7สี เหมาะกับสายวิเคราะห์
หากมองทั้งรายการ จะพบธีมจับคู่ “บู๊ชนฝีมือ” สลับกับ “ฝีมือชนฝีมือ” ทำให้ผู้ชมได้เห็นการต่อสู้ในสามระยะครบถ้วน คือ วงนอกที่ถีบ–แข้ง, วงกลางที่หมัด–แข้งสั้น, และวงในที่ล็อกคอ–ตีเข่า–ศอกสั้น เกมจะขึ้นอยู่กับว่าใครสร้างภาพชัดในสายตากรรมการได้ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการยืนคุมกลางเวที การออกอาวุธสะอาดเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ หรือการพลิกด้วยศอกสั้นในจังหวะที่อีกฝ่ายยืดการ์ดนานเกินไป ทั้งหมดนี้คือแกนหลักที่เราใช้ประเมินทุกคู่ของ โปรแกรมมวย 19 ตุลาคม 2568 ศึกมวยไทย7สี
คู่ที่ 1: นิล ผ้าเบรคคอมแพ็ค (พิกัด 119 ชั่งได้ 120 – 1.0) vs วัชระชัย มานะศักดิ์มวยไทย (พิกัด 119 ชั่งได้ตามพิกัด)
ยกเปิดหัวน่าสนใจตรงที่ฝั่งนิลชั่งเกินเล็กน้อย แปลว่าวันจริงต้องบริหารแรงอย่างระวังในช่วงเปลี่ยนเกียร์ยกกลาง ส่วนวัชระชัยที่ชั่งตามพิกัดสื่อถึงวินัยและการฟื้นตัวที่คาดเดาได้ จุดแข็งของนิลคือการเดินกดดันและแข้งขวาคม แต่ถ้าดันเร็วเกินโดยไม่ปักมือหน้าจะเสี่ยงโดนดักหมัดสองช็อตและถีบหยุดจากวัชระชัย ซึ่งเด่นเรื่องความเป็นระบบและการตั้งการ์ดแน่น เกมจะวัดกันที่ “ใครเริ่มก่อนและชัดกว่า” โดยเฉพาะยก 3–4 ที่กรรมการมักให้น้ำหนักกับอาวุธสะอาดและความต่อเนื่องในการครองพื้นที่กลางเวที หากนิลเจาะตัดล่างจนทำลายฐานคู่ต่อสู้ได้สม่ำเสมอ แนวโน้มคะแนนจะเทไปทางฝั่งบู๊ แต่ถ้าวัชระชัยรักษาระยะ สวนแข้งคม และหมุนมุมได้ดี ภาพคู่ชกจะเอนไปทางฝีมือทันที
คู่ที่ 2: เอฟ 35 ราชานนท์ (พิกัด 125 ชั่งได้ 126 – 1.0) vs เสมอสิงห์ เพชรเกียรติเพชร (พิกัด 125 ชั่งได้ 125.2 – 0.2)
คู่นี้เป็นเวตกลางเล็กที่ความเร็วกับแรงสมดุล เอฟ 35 ชั่งเกินเล็กน้อย บ่งบอกว่าต้องคุมการใช้พลังโดยเฉพาะช่วงรัดปล้ำ ส่วนเสมอสิงห์เกิน 0.2 ปอนด์ซึ่งกระทบไม่มากนัก จุดเด่นของเอฟ 35 คือพลังหมัด–แข้งที่ไหลลื่น ถ้าได้เดินเกมจะน่ากลัว ขณะที่เสมอสิงห์ขึ้นชื่อเรื่อง “วินัยการออกอาวุธ” และการคุมจังหวะด้วยถีบ–แข้งขวา เมื่อประกบกันจริงผู้ถือรีธึ่มจะได้เปรียบ เพราะสามารถกำหนดระยะแลกและขโมยสายตากรรมการได้ดี ยก 2 ปลายยกและยก 3 ต้นยกคือช่วงวัดใจ ถ้าเอฟ 35 บดเข้ามุมสำเร็จ โอกาสชนะคะแนนจะเปิด แต่ถ้าเสมอสิงห์ตัดจังหวะด้วยถีบและหมุนมุมจนอีกฝ่ายเสียทิศ เกมจะไหลทางฝีมือทันที
คู่ที่ 3: เหนือสิงห์ ศิษย์กำนันนิรันดร์ (พิกัด 155 ชั่งได้ 158 – 3.0) vs เพื่อไทย ศิริลักษณ์มวยไทย (พิกัด 155 ชั่งได้ 155.6 – 0.6)
นี่คือคู่ที่น่าจับตาสุดของ โปรแกรมมวย 19 ตุลาคม 2568 ศึกมวยไทย7สี เพราะเป็นเวตที่พละกำลังสูงและน้ำหนักชั่งต่างกันพอสมควร เหนือสิงห์ชั่งเกินถึงสามปอนด์ ต้องแก้โจทย์การฟื้นตัวและภาษีแรงปลายให้ได้ ขณะที่เพื่อไทยอยู่ใกล้พิกัดจริง จุดขายของเหนือสิงห์คือแรงปะทะต้นยกและลูกบุกดุดัน หากฉีกมุมได้แล้วกดจังหวะต่อเนื่องจะทำให้คู่ต่อสู้เสียรูปมวยง่าย ส่วนเพื่อไทยเป็นมวยสมดุล มีทั้งถีบเปิดทาง แข้งสวน และวงในที่แน่นพอตัว หากอ่านเกมสู้ด้วยการบัง–สวน–ย้ำภาพสะอาดจะคุมสกอร์ได้ดี ยก 3–4 จะเป็นช่วงเปลี่ยนเกม ถ้าเหนือสิงห์ยังรักษาความดุดันได้โดยไม่แผ่ว โอกาสปิดบัญชีด้วยคะแนนจะมีสูง แต่ถ้าเพื่อไทยทำลายจังหวะจนอีกฝ่ายหมดการ์ดและจับล็อกได้ ยกท้ายจะพลิกเข้าทางฝั่งสมดุลทันที
คู่ที่ 4: วุฒิไกร ว.จักรวุฒิ (พิกัด 140 ชั่งได้ 141.6 – 1.6) vs ยอดขุนศึก ศิษย์แก้วประพล (พิกัด 140 ชั่งได้ตามพิกัด)
ข้อมูลเดิมพิมพ์ “41.6 – 1.6” ซึ่งตามตรรกะน่าจะเป็น 141.6 – 1.6 จึงขอวิเคราะห์บนสมมติฐานนี้ ฝั่งวุฒิไกรเกินพิกัดเล็กน้อย ทำให้ต้องบริหารแรงและอย่าผลีผลามในยกต้น ส่วนยอดขุนศึกชั่งตามพิกัด สะท้อนการบ้านโภชนาการที่แม่น จุดเด่นของวุฒิไกรคือแข้งหนักและลูกบู๊แบบผลักดันคู่ต่อสู้ถอยหลัง แต่ถ้าเร่งต่อเนื่องเกินไปอาจถูกดักถีบ–แข้งย้อนจนเสียทรง ยอดขุนศึกเป็นมวยทางเทคนิค อ่านมุมได้ดี มีลูกหมุนออกจากมุมแล้วสวนแข้งซ้ายยาว เกมนี้จึงวัดกันว่าใคร “เริ่มก่อนและชัดกว่า” ในจังหวะแรกของแต่ละคอมโบ ยก 2 ปลายยกและยก 4 กลางยกเป็นช่วงที่ควรจับตาเป็นพิเศษ
คู่ที่ 5: อัลพาร์ท รถสวยจ่าเจต (พิกัด 120 ชั่งได้ตามพิกัด) vs แก้วสวรรค์ ศิษย์แก้วประพล (พิกัด 120 ชั่งได้ตามพิกัด)
ทั้งสองฝ่ายชั่งได้ตามพิกัด เท่ากับวัดกันที่แผนการชกล้วน ๆ อัลพาร์ทมีสไตล์ทำงานแข้งถี่ คุมจังหวะด้วยมือหน้าและการสอดเข่าเมื่อเข้าถึงตัว ส่วนแก้วสวรรค์เด่นที่ความคมของการสวนกลับและความฉลาดในการเลือกจุดออกอาวุธ หากอัลพาร์ทเน้นจำนวนแต่คุณภาพไม่พออาจถูกแก้วสวรรค์ขโมยสายตาได้ง่าย ยก 3–4 คือพื้นที่ของการชิงภาพสวย ใครออกน้อยแต่คมและเข้าเป้าชัดจะสะสมคะแนนนำอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ยก 5 ต้องรักษารูปมวยให้มั่นคง ไม่ทำเสียทรงหรือถอยยาวจนโดนเร่งปิดยก
คู่ที่ 6: เพชรคลองสี่ โรงเรียนสามโศก (พิกัด 113 ชั่งได้ตามพิกัด) vs เกรียนดอย แฟมิลี่มวยไทย (พิกัด 113 ชั่งได้ตามพิกัด)
ปิดท้ายด้วยเวตเล็กความเร็วสูง ทั้งสองชั่งตามพิกัด แปลว่าการยืนพื้นและการรีเซ็ตการ์ดหลังออกอาวุธจะเป็นตัวชี้ขาด เพชรคลองสี่ถนัดจังหวะสอง ใช้การฉีกมุม–ตัดล่าง–แทงเข่าตรงเพื่อลดสปีดคู่ต่อสู้ ขณะที่เกรียนดอยเป็นมวยมือไว มีคอมโบหมัด–แข้งที่รัดกุม หากจับไลน์คู่ชกได้ก่อนจะทำให้โมเมนตัมไหลเร็ว ยก 2 ต้นยกและยก 3 กลางยกคือจุดชี้ขาด หากใครทำให้คู่ชก “เสียฐาน” ด้วยเตะตัดล่างหรือถีบทิ่มเข้ากลางลำตัวต่อเนื่อง คะแนนจะเปิดทันที ความชัดของการป้องกันแล้วสวนคือคีย์ที่จะซื้อใจกรรมการในไฟต์แบบสปีดจัด
