โปรแกรมมวย 22 ตุลาคม 2568 ศึกมวยไทยพลังใหม่ ณ เวทีมวยราชดำเนิน เริ่มชกเวลา 18.00 น.
โปรแกรมมวย 22 ตุลาคม 2568 ศึกมวยไทยพลังใหม่ ณ เวทีมวยราชดำเนิน เริ่มชกเวลา 18.00 น. เปิดสังเวียนด้วยบรรยากาศคึกคักตั้งแต่เวลา 18.00 น. รายการนี้อัดแน่นด้วยมวยฝีมือครบเครื่องและดาวรุ่งกำลังพุ่ง บทความนี้วิเคราะห์เชิงแท็กติก จุดแข็ง จุดอ่อน โดยจุดเด่นอยู่ที่ความสดของร่างกายนักชก การยืนระยะในเกมยาว และชั้นเชิงที่หลากหลาย ทำให้ศึกมวยไทยพลังใหม่ ครั้งนี้น่าจับตามองทั้งในมุมแฟนมวยขาประจำและนักลงทุนสายวิเคราะห์ เพราะน้ำหนักชั่งจริงมีทั้ง “ขาด” และ “เกิน” หลายคู่ ซึ่งจะส่งผลต่อรูปเกมอย่างมีนัยสำคัญ

| คู่ที่ | 🔴 ฝ่ายแดง | 🔵 ฝ่ายน้ำเงิน | พิกัด (ปอนด์) | ชั่งได้ (แดง) | ขาด-เกิน (แดง) | ชั่งได้ (น้ำเงิน) | ขาด-เกิน (น้ำเงิน) |
|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1 | เพชรสินชัย พั้นช์อิทยิม | แก่นคูน ส. สกลเพชร | 117 | 116.6 | ขาด 0.4 | 118.8 | เกิน 1.8 |
| 2 | สองแผ่นดิน ช. แก้ววิเศษ | หนุ่มเชิงดอย น้ำล้อมยิม | 130 | 129.7 | ขาด 0.3 | 130.6 | เกิน 0.6 |
| 3 | พันลำ ส. สมหมาย | กล้าศึก ส. สมาคม | 117 | 117 | ตามพิกัด | 116.6 | ขาด 0.4 |
| 4 | ฤทธิเดช ส. สมหมาย | พลอยอภิชาติ นายกป็อดกบินทร์บุรี | 138 | 139.8 | เกิน 1.8 | 138.6 | เกิน 0.6 |
| 5 | แซมซัน สิงห์บัลลังก์ทอง | เจ้าเสือใหญ่ ศิษย์สาธิต | 112 | 112.5 | เกิน 0.5 | 112.9 | เกิน 0.9 |
| 6 | วังทอง ว.คำชำนาญ | เจ็ดตำนาน ส. มณีแดง | 125 | 125 | ตามพิกัด | 125.1 | เกิน 0.1 |
| 7 | เก้าล้าน ศิษย์กำนันเหน่ง | ศิษย์รัก ศักดิ์อินเตอร์ | 135 | 136.4 | เกิน 1.4 | 137.9 | เกิน 2.9 |
| 8 | เพชรฤทธิ์ เหล่าโชคเจริญราชสีห์ | ชูทรัพย์ ส.สละชีพ | 118 | 118.3 | เกิน 0.3 | 118.6 | เกิน 0.6 |
| 9 | ซิลวีโอ ต. แย้มสวน | คฤหาสน์ ช. ห้าพยัคฆ์ | 128 | 129.1 | เกิน 1.1 | 127.7 | ขาด 0.3 |
ตารางมวยไทย พร้อมลิ้งก์ ดูมวยสดวันนี้ ทุกศึกทุกสังเวียนดวล ดูถ่ายทอดสดมวยวันนี้
วิเคราะห์เชิงลึกคู่ที่ 1: เพชรสินชัย พั้นช์อิทยิม (พิกัด 117 ชั่ง 116.6 ขาด 0.4) พบ แก่นคูน ส.สกลเพชร (พิกัด 117 ชั่ง 118.8 เกิน 1.8)
คู่เปิดหัวของศึกมวยไทยพลังใหม่ เริ่มต้นด้วยสมการน่าสนใจ “ขาด” ปะทะ “เกิน” เพชรสินชัยคุมน้ำหนักได้ตามเป้าพร้อมความคล่องตัวและสปีดมือเท้า ส่วนแก่นคูนรูปร่างใหญ่กว่าเล็กน้อยจากการชั่งเกิน 1.8 ขีด อาจได้แรงปะทะและการยืนชนในวงในที่แข็งกว่า ทว่าความเร็วปลายแข้งอาจด้อยลงเล็กน้อย เกมนี้คาดว่าเพชรสินชัยจะฉวยจังหวะเตะตัดล่างและซ้ายดักเข้าทำ แล้วสลับล็อกคอคลายเกมในจังหวะอันตราย ขณะที่แก่นคูนต้องรีบใช้ความใหญ่บดในยกสองและสาม หากปล่อยให้แต้มไหลตั้งแต่ต้น การไล่แซงปลายจะยากขึ้นมาก
จุดพลิกเกมที่ต้องจับตา
หากเพชรสินชัยรักษาระยะและออกอาวุธชุดสั้นต่อเนื่องจะสะสมคะแนนได้เรื่อย ๆ แต่ถ้าแก่นคูนจับตัวได้และกดหัวบัง หลังชนเชือกบ่อย ๆ จะทำให้เกมเปลี่ยนทันที ความแข็งแรงบนร่างใหญ่ในค่ำคืนของศึกมวยไทยพลังใหม่ อาจดันให้เพชรสินชัยต้องถอยตั้งรับมากเกินไป และเปิดช่องให้โดนศอกวงใน
คาดการณ์โทนเกม
ยกต้นเพชรสินชัยคมกว่า ยกกลางถึงปลายแก่นคูนบุกหนัก หากความฟิตของเพชรสินชัยยังดีในยกสี่ห้า โอกาสปิดจ็อบด้วยคะแนนมีสูง แต่หากถูกบดจนหมดแรง ปลายเกมอาจพลิก
วิเคราะห์เชิงลึกคู่ที่ 2: สองแผ่นดิน ช.แก้ววิเศษ (พิกัด 130 ชั่ง 129.7 ขาด 0.3) พบ หนุ่มเชิงดอย น้ำล้อมยิม (พิกัด 130 ชั่ง 130.6 เกิน 0.6)
คู่นี้สะท้อนสมดุลของ “ความไว” กับ “แรงปะทะ” ได้ชัด สองแผ่นดินคุมน้ำหนักเยี่ยม ขาดเพียง 0.3 ช่วยให้เคลื่อนที่คล่อง สเต็ปเท้าเบา และเข้าออกได้ทันใจ ขณะที่หนุ่มเชิงดอยมีรูปร่างเต็มพิกัดและเกินเล็กน้อย บ่งบอกแรงแขนแรงเข่าที่น่ากลัวในวงใน หากลากเกมไปปะทะหนัก ๆ นาน ๆ อาจทำให้สองแผ่นดินเสียจังหวะ
แท็กติกที่น่าจะใช้
สองแผ่นดินควรเน้นจังหวะสอง เตะต่อยแล้วออกข้าง ไม่รั้งวงใน ส่วนหนุ่มเชิงดอยต้องรวบวงในเร็ว กอดคอเสียบเข่าให้มีภาพ “คุมเกม” ตั้งแต่กลางยกสอง การยืนแบบ “ลากยาว” คือหัวใจ เพราะเมื่อยืดเกมถึงยกสี่ห้า ความแข็งแรงจากน้ำหนักเต็มมักให้ผลดี
จุดแพ้ชนะในศึกมวยไทยพลังใหม่คู่นี้
คะแนนสะสมกับแรงปะทะจะชิงกันตลอด หากสองแผ่นดินหลบมุมได้ดีและเน้นเตะก้านคอคม ๆ บวกหมัดลำตัว จะทำให้หนุ่มเชิงดอยต้องชะงัก เปิดพื้นที่ทำแต้มต่อเนื่อง โอกาสจบด้วยคะแนนของฝ่ายที่ “คุมวงนอก” จึงสูง
วิเคราะห์เชิงลึกคู่ที่ 3: พันลำ ส.สมหมาย (พิกัด 117 ชั่งตามพิกัด) พบ กล้าศึก ส.สมาคม (พิกัด 117 ชั่ง 116.6 ขาด 0.4)
คู่ที่สามของศึกมวยไทยพลังใหม่ เป็นเกมเทคนิคที่แฟนมวยน่าจะชอบ พันลำชั่งตามพิกัด แสดงถึงการเตรียมตัวมาตรฐาน ส่วนกล้าศึกขาดเล็กน้อย เสริมความคล่อง จังหวะเตะตัดล่างและสับศอกน่ากลัว จุดชี้ขาดคือ “ใครครองจังหวะกลางเวที” เพราะทั้งคู่น่าจะมีอาวุธครบและอ่านเกมเก่ง
แง่มุมกลยุทธ์
พันลำควรย้ำเตะซ้ายซ้ำจุดเดิมเพื่อสะสมคะแนน และใช้ไหล่ชนบังศอกในวงใน ส่วนกล้าศึกถ้าหาโอกาสปล่อยหมัดหนึ่ง–สองให้ชัด พร้อมตัดขาเวลาคู่ต่อสู้ขยับเข้า จะทำให้คะแนนไหล ท้ายเกมใครยุบก่อนมีสิทธิ์โดนแซงทันที
ผลกระทบของน้ำหนักชั่งจริง
การที่กล้าศึก “ขาด” 0.4 จะทำให้สปีดดี แต่ต้องรักษาพลังงานยกปลาย ขณะที่พันลำ “เต็มพิกัด” ได้เปรียบเรื่องแรงยื้อ หากเกมตึงเครียดยาว ๆ อาจบิดกลับมาเข้าทางพันลำในช่วงชี้ชะตา
วิเคราะห์เชิงลึกคู่ที่ 4: ฤทธิเดช ส.สมหมาย (พิกัด 138 ชั่ง 139.8 เกิน 1.8) พบ พลอยอภิชาติ นายกป็อดกบินทร์บุรี (พิกัด 138 ชั่ง 138.6 เกิน 0.6)
นี่คือคู่เอกเชิงพละกำลังของศึกมวยไทยพลังใหม่ ทั้งสองฝ่ายชั่ง “เกิน” ต่างระดับ บ่งชี้ถึงเกมชนหนัก วัดอาวุธยาวและลูกเข่าเป็นหลัก ฤทธิเดชรูปร่างน่าจะใหญ่กว่าเล็กน้อย มาพร้อมแรงปะทะและลูกขยับที่ทรงพลัง ส่วนพลอยอภิชาติขยับไวกว่าหน่อยจากการเกินเพียง 0.6 จุดสำคัญคือการจัดการจังหวะหายใจในวงในและการคุมมุมเมื่อถูกไล่บี้
สงครามลูกเข่าและศอก
เกมนี้คาดว่าจะเห็นการกดหัว เสียบเข่า สลับศอกสั้น ที่ทำคะแนนชัดในสายตากรรมการ ผู้ที่ยืนทรงตัวนิ่งกว่าและไม่เสียทรงเวลาโดนกระแทก จะสะสมความเชื่อมั่นของทั้งกรรมการและแฟนมวยได้เร็วกว่ามาก
วัดกันที่แผนยกสาม–สี่
ช่วงยกสาม–สี่จะชี้ทิศทางชัดเจน หากฤทธิเดชเดินบดจนพลอยอภิชาติถอยไม่ออก เกมจะเทไปทางร่างใหญ่ แต่ถ้าพลอยอภิชาติสลัดวงในแล้วออกแข้งยาวบ่อย ๆ มีภาพ “คุมระยะ” แต้มอาจไหลจนสุดปลายได้เหมือนกัน
วิเคราะห์เชิงลึกคู่ที่ 5: แซมซัน สิงห์บัลลังก์ทอง (พิกัด 112 ชั่ง 112.5 เกิน 0.5) พบ เจ้าเสือใหญ่ ศิษย์สาธิต (พิกัด 112 ชั่ง 112.9 เกิน 0.9)
น้ำหนักที่ทั้งสองฝ่ายชั่งเกินเล็กน้อยสะท้อนรูปแบบ “บู๊จัดพลังแน่น” เกมนี้คาดว่าจังหวะหมัดและแข้งล่างจะดุเดือด เพราะพิกัด 112 เป็นน้ำหนักที่ความเร็วสูงโดยธรรมชาติ หากใครหลุดจังหวะเพียงนิดเดียวอาจโดนชุดหมัดจนเสียทรงได้ทันที
รูปเกมที่น่าจะเกิด
แซมซันน่าจะเดินเข้าหา กดด้วยหมัดนำเพื่อเปิดแข้งซ้าย ขณะที่เจ้าเสือใหญ่ต้องใช้การสโตรกยาว ๆ และคุมจังหวะสองให้คม ยกกลางคือเวลาทองในการทิ้งศอก หากมีเลือดหรืออาการชัดเจน เกมจะเปลี่ยนฝั่งอย่างรวดเร็ว
ปัจจัยความอึดและการฟื้นตัว
เพราะเป็นยกเร็วในพิกัดเล็ก ใครหายใจไม่ทันในยกสามจะโดนเร่งจนวูบ สภาพร่างกายและวินัยการคุมสปีดจึงเป็นคีย์เวิร์ดของศึกมวยไทยพลังใหม่คู่นี้
วิเคราะห์เชิงลึกคู่ที่ 6: วังทอง ว.คำชำนาญ (พิกัด 125 ชั่งตามพิกัด) พบ เจ็ดตำนาน ส.มณีแดง (พิกัด 125 ชั่ง 125.1 เกิน 0.1)
คู่นี้ต่างกันเพียงเสี้ยวขีด วังทองชั่งตามพิกัด ส่วนเจ็ดตำนานเกินเพียง 0.1 แทบไม่มีผลด้านรูปร่างอย่างมีนัยสำคัญ จึงเป็นเกมวัด “ชั้นเชิงล้วน ๆ” ใครจัดวางจังหวะคุมกลางเวที และใครอ่านเกมยกสองได้ขาด จะเป็นผู้กุมความได้เปรียบ
เชิงเทคนิคที่ควรจับตา
วังทองโดดเด่นที่ความเข้มของแข้งยาวและการกั้นแข้ง ส่วนเจ็ดตำนานขึ้นชื่อเรื่องไหวพริบและหมัดสวน ถ้าเจ็ดตำนานจับจังหวะหมัด–ศอกสวนได้หนึ่งครั้งให้ภาพชัด อาจเปลี่ยนสมดุลคะแนนทันที เกมนี้เหมาะกับผู้ชมที่ชอบ “ของบางแต่คม”
เคล็ดลับการปิดบัญชี
ยกสี่คือยกตัดสิน หากใครยังรักษาฟอร์มและเร่งเครื่องได้พอดีมือ มีโอกาสเก็บคะแนนเด็ดขาด ก่อนเข้าสู่ยกห้าที่มักเป็นเกมประคองทรง
วิเคราะห์เชิงลึกคู่ที่ 7: เก้าล้าน ศิษย์กำนันเหน่ง (พิกัด 135 ชั่ง 136.4 เกิน 1.4) พบ ศิษย์รัก ศักดิ์อินเตอร์ (พิกัด 135 ชั่ง 137.9 เกิน 2.9)
นี่คือหนึ่งในคู่ดุที่สุดของศึกมวยไทยพลังใหม่ ทั้งสองฝ่ายชั่งเกินค่อนข้างมาก โดยเฉพาะศิษย์รักที่ตัวเลข 2.9 สะท้อนรูปร่างและแรงปะทะที่น่าเกรงขาม คาดว่าจะเป็นเกมเดินชน บดวงใน และปล่อยอาวุธยาวอย่างต่อเนื่อง ส่วนเก้าล้านแม้จะเกิน 1.4 แต่ยังพอรักษาความไวไว้ได้บ้าง หากชิงความได้เปรียบในยกต้นจะมีแต้มกดดันฝ่ายตรงข้าม
ศึกยืนปะทะและการจัดการพลังงาน
เกมนี้ไม่ใช่แค่ถามว่าใครแรงกว่า แต่ถามว่าใคร “ใช้แรงเป็น” มากกว่า การวางจังหวะหายใจ การแยกตัวออกมาออกแข้งโชว์ภาพแรง ๆ แล้วกลับไปล็อกวงใน เป็นหมากที่สำคัญ หากใครเร่งพรวดพราดเกินไปตั้งแต่ต้น อาจหมดไวและโดนแซงปลายในยกสี่ห้า
ความเป็นไปได้ของน็อกเอาต์
ด้วยแรงปะทะสูง โอกาสเกิดน็อกเอาต์ด้วยหมัดหรือศอกมีมากกว่าคู่ทั่วไป ผู้ชมควรจับตาช่วงเปลี่ยนจังหวะจากวงนอกสู่วงใน เพราะนั่นคือหน้าต่างแห่งความผิดพลาดที่ฝ่ายตรงข้ามรออยู่
วิเคราะห์เชิงลึกคู่ที่ 8: เพชรฤทธิ์ เหล่าโชคเจริญราชสีห์ (พิกัด 118 ชั่ง 118.3 เกิน 0.3) พบ ชูทรัพย์ ส.สละชีพ (พิกัด 118 ชั่ง 118.6 เกิน 0.6)
ทั้งสองฝ่ายเกินเล็กน้อย เกมนี้จึงเป็นการประชัน “ความคม” มากกว่า “ความใหญ่” ลักษณะจะคล้ายศึกไล่แต้ม ใครแม่นยำกว่าและเสียทรงน้อยกว่า จะคุมภาพรวม การตั้งการ์ดกลับเร็วและออกอาวุธทีละชิ้นอย่างมั่นคง จะสร้างความเชื่อมต่อของคะแนนได้ดีกว่าการบุกพรวดพราด
โอกาสและความเสี่ยง
เพชรฤทธิ์ควรเน้นเตะยาวกดหัวไหล่ให้ชัด ขณะที่ชูทรัพย์ต้องหาช่องปล่อยหมัดสองชั้นและศอกสวนในจังหวะที่คู่ต่อสู้ปักหลัก หากเกิดแผลหรือสะสมอาการแม้เพียงเล็กน้อย ภาพรวมจะเอนเอียงทันทีเพราะพิกัดนี้คะแนนไหลไวมาก
เกมยกปลาย
ใครยืนระยะนิ่งและยังยิงของได้ตรงเป้าในยกสี่ห้า จะกุมชัยชนะด้วยคะแนน หากเกิดพลิกคว่ำคะมำหงายในช่วงท้ายก็ไม่แปลก เพราะทั้งสองต่างมีของครบ
วิเคราะห์เชิงลึกคู่ที่ 9: ซิลวีโอ ต.แย้มสวน (พิกัด 128 ชั่ง 129.1 เกิน 1.1) พบ คฤหาสน์ ช.ห้าพยัคฆ์ (พิกัด 128 ชั่ง 127.7 ขาด 0.3)
คู่ปิดรายการของศึกมวยไทยพลังใหม่ มาด้วยรูปแบบ “ใหญ่กว่าปะทะไวกว่า” ซิลวีโอเกิน 1.1 ทำให้แรงปะทะดี ยืนชนได้ ส่วนคฤหาสน์ขาด 0.3 บ่งชี้ถึงสปีดเท้าที่คล่องและการเปลี่ยนมุมที่ไว จุดตัดสินใจคือ “ใครลากเกมไปตามจริตตัวเองได้” หากซิลวีโอบดติดแล้วเสียบเข่ายาว ๆ เกมจะหนักทางคฤหาสน์ แต่ถ้าคฤหาสน์ดักเตะแล้วออกข้างหมุนเปลี่ยนเหลี่ยมจนอีกฝ่ายไล่ไม่ทัน คะแนนจะไหลตั้งแต่กลางยก
ทิศทางแท็กติก
ซิลวีโอต้องบีบพื้นที่ให้แคบ กดไปหามุมเชือก แล้วทำงานเป็นชุด ส่วนคฤหาสน์ควรเน้นเกมมือถือ หยิบ–วาง–หาย อยู่นอกระยะตลอดและอย่าปล่อยให้โดนล็อก หากรักษาแผนได้ครบยก ผลงานปลายจะสวยงาม
ปิดม่านค่ำคืน
คู่ปิดรายการมักเป็นตัวตัดอารมณ์ หากเกมสูสี โอกาสลุ้นแต้มใกล้เคียงมีสูง แฟนมวยจะได้ลุ้นจนหยดสุดท้าย สมชื่อศึกมวยไทยพลังใหม่ ที่มีทั้งความสดและชั้นเชิงในค่ำคืนเดียว
